กระบี่GoneGirl

กระบี่จะบ้า ทัวร์จีนไปกระบี่ 
พอมองย้อนไปเอ้อพวกเราเอกโทจีนกันหมดเลยนี่นา วันนี้ไปกระบี่กัน




Krabi, Thailand.
28-31 May 2018.

ตอนอยู่ดอนเมืองก็เดินตามหาร้านอาหารลึกลับใต้ตึกที่อยุ่ชั้นสอง ที่ลูกเรือชอบมา


รอบนี้นั่งเครื่องทั้งขาไปและกลับได้นั่งบัสด้วย ตื่นเต้น บัสที่ถอยไปมาสามแปดรอบก่อนจะเคลื่อนตัวได้5555555

ครั้งนี้เข้าห้องน้ำบนเครื่องเลยเก็บภาพมาฝาก







รอบนี้ได้นั่งที่ตรงกลางเหมือนเดิม แต่ข้างซ้ายไม่มีคนนั่ง ก็สบายใจ นอนตะแคงซะเลย นั่งเบื่อๆ ไม่นานก็จะลงจอดแล้ว พอลงจอดก็รอรถจากที่พักมารับ ราคาเท่าไรไม่รู้ เพื่อนจัดการ

ที่พักทริปนี้ พักสามคืน คือ แอนคูร่า บลู บูทีค โอเทล บีแอนด์บี 

ทุกอย่างคือเลิศเลอ ห้องก็ตรงปกมากคือตามรูปในเว็บเลย แต่ตอนไปถึงก็ไม่รู้หรอกว่าตรงปกไหม พึ่งเปิดเว็บดูตอนจะเขียนบล็อกนี่ละ นี่พักห้องfamily มีระเบียงไว้จิบชายามเช้า ที่พักไม่ได้อยู่หน้าหาด แต่อยู่ปากทางเข้า มีรถซาเล้งรับส่งฟรี คือขึ้นกันจนพี่เขาน่าจะเบื่อหน้า แต่บริการดีมาก









อาหารเช้าก็ดีมาก มีให้เลือกเยอะเช่น โจ๊ก ออมเล็ท scramble egg
Sandwichแบบสั่งเอง และขนมปัง ผลไม้ โอวัลติน น้ำส้มให้ตักเอง ประทับใจมากๆ และอีกอย่างคือเขาเก็บห้องและเติมของให้ทุกวัน ที่สำคัญคือเติมน้ำขวด อันนี้ประทับใจจริง



ไปถึงที่พักก็ถ่ายรูป เก็บของนิดหน่อย แล้วก็ไปเดินเล่นอ่าวนาง 
กองทัพไส้กรอก
เต้นรำหน้าหาดทราย

แล้วหาของกินกัน จบด้วยบุฟเฟ่ต์ที่เดินจากหน้าหาดจนสุดปากซอย ที่หลอกเพื่อนว่าโค้งข้างหน้า สรุปมีประมาณห้าโค้ง ก็ขาลากกันไป ซอรี่จริงๆ แล้วตอนกินก็คือมีเรื่องตลก ข้างๆ คือชาวต่างชาติ ตอนกินนี่นั่งริมก็เห็นว่าเขานั่งมอง เอ๊ะเขาพูดอะไรกันนะ ความจริงแล้วเขามีโต๊ะเราเป็นโรลโมเดลในการย่างอาหาร กุ้งแกะแบบนี้ ปูย่างแบบนี้ เออตลกจริงๆ ตอนจ่ายตังก็ลลุกมาต่อแถวต่อ น่ารักจีงๆ
ดูกุ้งสิเพื่อน

day 1

ตื่นเช้ามาฝนก็ตกเลย เราเหมาเรือไว้ คนละ840 ไป7เกาะ มีรถมารับที่พัก ไปขึ้นเรือที่หาดนพรัตน์ ฟ้าครึ้มและฝนตกปอยๆ

นั่งเรือก็ต้องนั่งที่กาบเรือ ไม่งั้นต้องเวียนหัว ลมดี คลื่นแรง ฟ้าครื้ม หาเรื่องคุยกันประมาณชั่วโมงนึงก็ถึงเกาะห้อง ต้องเดินผ่านอิเบาะบนน้ำอะ ไม่รู้เรียกว่าไร แล้วคลื่นก็แรงมาก ขาก็สั่น เดินก็เวียนหัวเพราะมองแต่พื้น ยวบยาบกว่าจะถึงฝั่ง เสียค่าอุทยาน60บาท 

ลงมาถึงฝั่ง ก็จะบ้ากับสีน้ำทะเล อะไรจะฟ้าขนาดนั้น พร้อมคลื่นที่แรงระหว่างถ่ายรูป ขาก็เปียก แล้วก็คิดถึงทะเลระยอง ทำไมมันไม่ฟ้าแบบนี้นะ อยากเล่นน้ำมาก แต่พึ่งเกาะแรกเอง รอต่อไป
กระโดดไปร้อย ได้มาหนึ่งรูป

ต่อไป คนเรือบอกว่า ห้องบลูลากูน ก็คงได้refมาจากบลูลากูนมั้ง เป็นเวิ้งกลมๆ ที่เหมาะกับการถ่ายรูปมากๆ ก็เลยได้รูปจากตรงนี้ประมาณร้อยกว่า คือต้องแย่งท่าและโลเคชั่นกับเพื่อน คิดท่าแล้วก็จะโดนเพื่อนลอก เลยต้องคิดไว้เยอะๆ จะเสียเปรียบก็ตรงที่เพื่อนจะลงรูปก่อนเรานั่นแหละ55555 เรื่องหยุมหยิมเด็กน้อยมั่ก
มีผ้า

ตรงนี้เป็นน้ำนิ่งแบบนิ่งเงียบต่างจากเกาะห้องข้างๆ ทั้งที่อยู่ข้างกัน งงไปหมด ลงไปว่ายน้ำได้ แต่ดำน้ำแล้วก็ไม่มีไรให้ดูนะ 

ต่อไปเกาะข้างๆ ชื่อไรไม่รู้ ไม่ได้ลง แล้วก็เลยไปเกาะปอดะเลย อ้อมไปอีกฝั่งหนึ่งของทะเล ประมาณอีกชั่วโมง นั่งคุยปรัชญาชีวิต ศาสนา และความเชื่อ แล้วก็ง่วง

เกาะปอดะ
ลงมาพักผ่อน อาบแดด พร้อมทานข้าวกลางวันที่ซื้อมาเอง
หน้าตอนที่รู้ว่าต้องไปที่อื่นแล้ว เดี๋ยวทะเลไม่แหวก
เกาะไก่ ไม่ได้เข้าไปเพราะน้ำลดแล้ว เรือเข้าไม่ได้ เห็นแต่หงอนไก่ ส่วนดำน้ำก็ดำแค่ตรงถัดมาจากปอดะนิดหน่อย มีปลาเสือมากมายลอยอยู่ และปลานี่โม่ที่มองไม่เห็นแม้คนเรือจะชี้ให้ดู

ทะเลแหวก ที่ไม่ค่อยแหวก แถมทรายก็หินเยอะ ไม่นุ่ม แล้วก็ต้องรีบออกภายในสามโมงครึ่ง เพราะน้ำลด เรือจะติด ออกไม่ได้
สะบัดผ้า
Day 2
วันนี้ไปแบบชิวๆ อาบแดด เล่นน้ำ พายคายัคที่หาดไร่เลย์และถ้ำพระนาง (อยู่ข้างกัน)

เริ่มแรกก็ให้คนที่โรงแรมไปส่งที่อ่าวนาง 

อ่าวนางตอนเช้า สีน้ำแตกต่างจากเมื่อวานเชียว
แล้วก็ซื้อตั๋วไปกลับหาดไร่เลย์ 200บาท เริ่มต้นก็ลำบากแล้ว เพราะน้ำลึกมากตรงที่จะขึ้นเรือ แล้วเรือก็โครงเครง ระหว่างขึ้นก็เลยเปียกหมดเลย55555 หมดกันที่นั่งแต่งตัวถึง11.00 
หาดไร่เลย์
พอถึงหาดไร่เลย์ รองเท้าก็พัง ส้นพองน้ำ ถถถนัดมอ เลยซื้อรองเท้าแตะใหม่ โดนไป220บาท แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองและเพื่อนๆ แต่งตัวแปลกมาก ทั้งที่ควรใส่บิกินี ว่ายน้ำ อาบแดด

ถ้าใครจะมาอาบแดดต้องที่หาดไร่เลย์ แต่ถ้าพายคายัคต้องที่ถ้ำพระนาง

ส่วนไอเรานั้นก็เดินวนรอบหาดไร่เลย์หนึ่งรอบ เพราะหาทางไปไม่เจอ เดินโชว์ตัวไปมา ร้อนก็ร้อน จากรูปเนี่ยก็คือเดินวนจนสุดฝั่งซ้ายของรูป เออชิวๆ เนอะ

Highlightของวันนี้ 

ยกให้การพายเรือคายัครอบอ่าว คือแก รอบอ่าวจริงๆ พายไม่ยากแค่จ้วงซ้ายขวา แต่ต้องนัดกับเพื่อน ถ้าอยากให้เรือไปซ้าย พายด้านขวา อยากไปขวาก็พายด้านซ้าย เรือเราพายกันสามคน ก็มากันห้าคนอะ จะให้ทำยังไง ระหว่างพายก็เจอหนุ่มน้อยฝรุ่ง พายคนเดียว แล้วเขาบอกจะถ่ายรูปให้ ในใจก็คือโดนดอยโทรศัพท์แน่ๆ  ส่วนลำเพื่อนก็ชนเขาสองรอบ พอถ่ายเสร็จเขาก็พายหนีไปเลย ๕๕๕

และนี่คือรูปที่เขาถ่ายให้ สวยงามจ้า


และนี่คือภาพที่พอมาดูแล้วคืออย่างกะจัดฉาก มือนี่เกร็งเชียวนาเผื่อนๆ 

ช่วงที่สนุกที่สุดในการพายคือ ช่วงที่อยู่ในร่มเงาของเกาะ นอกเหนือจากนั้นคือไหม้ และเจิ่งน้ำ เสื้อชูชีพก็รั้งติดคอเลย 
นกน้อยรอรัง


นี่คือตอนอยู่ร่มเงา อากาศเหมาะแก่การพักผ่อน


เนี่ย พายมาตั้งแต่แยกหินข้างหน้า แล้วก็วนสองสามรอบ 



การพายไม่ยากเลยแต่การทนความร้อนเนี่ยแหละ เหมาะกับการชิวๆ คือต้องลอง นี่พายครั้งแรก ต้องบอกว่าติดใจ แต่ด้วยความร้อนจึงต้องหยุดไว้ พายประมาณชั่วโมงกว่าๆ มั้ง ก็บอกว่าพอเถ้อออ จะต้องพ้ากก เหมือนจะเวียนหัว เมาแดด เสร็จแล้วเราก็มาอาบแดด หรือแบบไทยๆ เรียกว่าการนอนหลับ 
พกผ้า พกหนังสือมาอ่าน แต่อ่านไปสองหน้าก็ง่วง ไม่อยากฝืนตัวเอง555555




ไม่มีไรทำ ก็ต้องถ่ายรูปปร้าาา



น้ำใสและเย็น ต้องลงไปลึกๆ จะไม่ค่อยมีกิ่งไม้
นั่งเรือกลับฝั่ง กลับถึงห้องอาบน้ำก็เห็นว่าผิวไหม้แรงมาก

Day 3
ไม่ได้ทำไรเลย นอนเซ็งๆ ที่โรงแรม กินอาหารเช้าแล้วก็ไปนอนต่อที่สนามบิน ขึ้นเครื่องไป บนเครื่องก็ปล่อยไอน้ำอะไรไม่รู้เหมือนตู้แช่แข็ง น่าจะช่วยเรื่องความดัน แต่ที่นั่งข้างหน้าเป็นชาวต่างชาติที่ดี555555 ขากลับนี่นั่งริมหน้าต่าง อ่านหนังสือได้สองบท เยอะที่สุดเท่าที่พกมาในทริปนี้

พอเครื่องกำลังลดระดับ หูก็อื้อ หูจะแตก แบบจะบ้าแล้ว  กลืนน้ำลายก็ไม่ช่วย ต้องดูนิตยสารเบี่ยงเบนความสนใจ แล้วก็ถึงดอนเมืองอย่างปลอดภัยจ้า

สรุปค่าใช้จ่าย
ค่าเครื่องบิน1041
ค่าที่พัก935
รถรับส่ง141
ต่างๆ 2695
total=4812








ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรคผื่นกุหลาบ Pityriasis rosea

นั่งรถไฟไปเที่ยวกาญจนบุรี

นั่งเครื่องบินครั้งแรก เชียงใหม่-ดอนเมือง