NeenXChiangmai 3rd day |เชียงดาว|

วันนี้ (11/6/60) เราจะไปเชียงดาวกัน ซึ่งเชียงดาวมีอะไรมั่งก็ยังไม่รู้ รู้แต่ว่าต้องขึ้นเขา เพื่อนแพลนไปไหนก็ไปหมด ตามๆ ไป นี่ถ้าเพื่อนพาไปขายจะรู้ไหมเนี่ย55555

หลังจากหาข้อมูล ก็ได้ความว่าเชียงดาวเป็นอำเภอต้นกำเนิดของแม่น้ำปิง ที่พอไหลรวมกันแล้วจะเรียกว่าแม่น้ำเจ้าพระยานั่นแหละ ภูมิประเทศในอำเภอนี้จะปกคลุมด้วยภูเขาสูง ซึ่งพอเดินทางจริงๆ นี่ก็มีเวียนหัวอะ ม่อนแจ่มว่าสูงแล้วนะ แต่เชียงดาวนี่ยิ่งกว่านั้น เรียกว่าแทบจะจับภูเขาได้เลย(อุปมา)

การเดินทางของเราในวันนี้ก็มีคนพาไปอีกครั้ง ครั้งนี้คือพี่ต้อง น้องที่ทำงานน้าหมวย จะพาไปส่งถึงเชียงดาวเลย

ระหว่างรอพี่ต้องมาถึงสำนักงาน (องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้) น้าหมวยก็บอกว่า ไปเดินเซ็นทรัลก่อนดีกว่า อยู่ใกล้แค่นี้เอง

พวกเราก็ตกลง เดินห้างก็ดีกว่านั่งอยู่เฉยๆ แหละใช่มะ

ท้าวความ เรา check out ออกจากที่ Bunk Boutique Hostel แล้วก็จะไปพักที่ระเบียงดาวกัน เป็นหมู่บ้านอยู่บนเชียงดาวนั่นแหละ พี่ที่ Bunk Boutique Hostel ที่เราสงสัยว่าเขาจะชื่ออะไร สรุปว่าเขาชื่อพี่แบงค์ แต่ตอนที่จะออกไม่เจอเขา เจออีกคนนึง น่าเสียใจ

เซ็นทรัลก็ใกล้จริงๆ แหละ แต่ขากลับนี่ก็เริ่มปวดเท้าแล้ว หมดพลัง




เจฟเฟอร์ที่รัก อาหารอร่อย และพนักงานน่าจะรำคาญ เพราะเรียกร้องบ่อยมาก


เดินเลือกเสื้อผ้าชิวๆ เหมือนเดินเล่นนครปฐม


ถึงเวลาเดินทางแล้ววว รูปด้านล่างคือระหว่างทางขึ้น นี่มันหุบเขาหมอกอะ ขี่รถวนไปมารอบภูเขา




อันนี้เป็นทางที่ต้นไม้เอียงลงมา เป็นรูปหัวใจอะ




หลังจากนั่งรถมาประมาณ 2 ชม. เราก็มาถึงที่พักกันแล้ว "บ้านระเบียงดาว" ถึงตอน5โมงกว่า ที่พักนี้มีอาหารเย็นและอาหารเช้าให้ ราคาที่พักคนละ500


ยอมรับว่าพอถึงแล้ว ช็อคมาก ทำไมคนเราต้องขึ้นมาสูงอะไรขนาดนี้ ขึ้นมาถึงฝนก็ตกอีก เจอฝนทุกวัน ยิ่งขึ้นมาสูงๆ นะ ยิ่งหนัก

แม่ไก่บังฝนให้เจี๊ยบ เจี๊ยบประมาณ6ตัว

ทางลงไปที่พัก




ที่นั่งส่วนกลาง ชมภูเขา ชมหมอก ชมธรรมชาติ





วิวข้างๆ บ้านพัก


ถึงแล้วบ้านพักของเรา






ห้องน้ำ บ้านละ1ห้อง ตอนแรกคิดว่าใช้รวมกันกับบ้านข้างๆ เพราะเห็นเขาออกมายืน นึกว่าเขาจะใช้ห้องน้ำต่อ 

บ้านข้างๆ เป็นคู่รัก มากัน2คน ตอนไปเข้าห้องน้ำนอกบ้านก็เจอพี่เขา นึกว่าเขามารอเข้าห้องน้ำ นี่เป็นเหตุให้เราคิดว่าเป็นห้องน้ำรวม หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไร เขาแค่มาออกมาคุยโทรศัพท์ ตอนขากลับเขาสองคนก็กลับพร้อมกับเรา แต่ตอนเราขึ้นรถพี่เขาไปไหนไม่รู้ แต่สุดท้ายก็ขึ้นรถลงเขามาพร้อมกัน ก็ยังไม่เท่าไร ตอนนั่งรถสองแถวจะไปนิมมาน รถกำลังจะออกเขาสองคนก็นั่งมาด้วย ก็เออบังเอิญจัง เจอเขาสองคนอีกแล้ว จะไปนิมมานเหมือนกันด้วย แล้วเราก็ลงที่ร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ซะก่อน เลยไม่รู้เขาลงไหนกัน แล้วเราก็ลืมเรื่องพี่เขาสองคนไป จนกระทั่งขากลับจะไปสนามบิน เราก็นั่งสองแถวกับเพื่อน ชะเง่อมองวิวซะหน่อย เจอออ เจอพี่เขากับแฟนอีกแล้ว กำลังเดินไปไหนซักที่ สบตากัน พี่เขาก็น่าจะจำได้ เพราะหันไปบอกแฟน ประมาณว่าเจอน้องสี่คนนี้อีกแล้วเด้อ เรากับเพื่อนเลยคิดกันว่าถ้าเจอพี่เขาที่สนามบินอีกนี่ต้องทักแล้วแหละ เจอบ่อยขนาดนี้ ขอคุยกับพี่เขาสักหน่อย เผื่อกลับนครปฐมเหมือนกัน ดีนะที่ไม่เจอบนเครื่องบิน55555555






ตอนกลางคืน ในห้องน้ำจะมีจิ้งหรีด อาบน้ำไป จิ้งหรีดก็กระโดดไป เหมือนร่วมเต้นรำเป็นเพื่อนกับเราในห้องน้ำ กลัวเราเหงา แต่ในความเป็นจริงคือเรากลัวมันจะกระโดดมาเกาะ

เตียง ในห้องนอนจะมี 2 ฟูกใหญ่ และมีมุ้งให้กาง ไม่มีแอร์หรือพัดลม เพราะบนนี้ก็หหนาวอยู่แล้ว ยิ่งกลางคืนยิ่งหนาว สัญญาณโทรศัพท์ดีแทคนี่ตายสนิท ทรูยังพอมีให้เล่นบ้าง เรื่องไวไฟนี่ไม่ต้องพูดถึง







บริเวณเตียงด้านนอกก็มีสองเตียง สองมุ้งเช่นเดียวกัน หลังนี้น่าจะเป็นบ้านหลังใหญ่ที่สุด มีฟูกเยอะ ส่วนมากเขามากัน2คนเอง บ้านข้างๆ ก็ไม่มีฟูกด้านหน้าด้วย

บ้านระเบียงดาวเหมาะมาพักใจตอนอกหัก หลังสอบเสร็จ หรือหลังเกรดออกก็ได้ ช่วงนี้เกรดออกพอดี นอนดื่มด่ำธรรมชาติ เยียวยาจิตใจค่ะ





นอนแล้วทมองออกไปก็เป็นภูเขาล้วนๆ และหมอกน้อยๆ 

ถึงเวลาก็มีอาหารมาเสิร์ฟ ปกติจะเสิร์ฟที่บริเวณส่วนกลาง แต่วันนี้ฝนตก เลยมาส่งถึงที่พัก
อาหารมี4อย่าง ต้มจืด น้ำพริกแห้งที่เผ็ดปานกลาง (ผัดพริกกับกระเทียม) ผักต้มสด ไข่เจียวและผัดผักรวมมิตร

ผักต้มสดดีมาก นอกจากมาดื่มด่ำธรรมชาติแล้วยังมากินอาหารคลีนๆ อีก โอ้ยชีวิตดีมาก


กินเสร็จก็นอนเล่น ถ่ายรูป 







หมอกแน่นมาก เหมือนเกิดแถวนี้ เป็นหมอกlocal


2ทุ่มก็ถึงเวลานอนแล้ว เพราะไม่มีอะไรทำแล้ว  อากาศเย็นมาก จะไม่อยากอาบน้ำ แต่พออาบแล้วจะอุ่นๆ กางมุ้งพร้อมนอน  อยู่นี่ทำได้แค่ฟังเพลง ถ่ายรูปเพราะดีแทคไม่มีสัญญาณเลย เล่นโทรศัพท์ก็จะมีแมลงมาเกาะ นอนปิดไฟดีที่สุด

มุ้งที่มีแมลงและมดมาเกาะเยอะเยะ

นอนไปสักพัก ฝนก็ตกอีก เพิ่มดีกรีความเย็นและความน่ากลัว 

เรื่องเล่า(พร้อมกดคลิปด้านล่าง): ฝนตกๆ อยู่ แล้วน้ำก็หยดใส่ไม้ไผ่ แล้วเสียงมันดังแปะแปะ เราก็นอนอยู่ ในหัวก็คิด ขโมยปะวะ หรือปอบ คือกลัวมาก ผีหรือคนตอนนี้ก็น่ากลัวหมด ตัดสินใจหยิบแว่นมาใส่ มองไม่เห็นไรเลย ในใจคิดถ้าส่องไฟฉาย มันจะกระโจนมาฆ่าเราไหมวะ กล้าๆ กลัวๆ ถ้าเกิดเหตุไรจะกรี๊ดและถีบเพื่อนข้างๆ ให้ช่วยแล้วกัน กดเปิดไฟฉาย ลุกขึ้น เปิดผ้าห่ม แล้วก็พบว่า...ไม่มีอะไรเลย มีแต่น้ำฝนหยด ตอนออกไปห้องน้ำก็น่ากลัวเหมือนกัน มืดมืด ท้องฟ้ามืดมาก ไม่มีดาวสักดวง เดินดุ่มๆ รีบไปรีบกลับมานอนต่อ เหมือนเข้าบ้านผีสิงอะ





ตื่น6โมงจะมาดูพระอาทิตย์กัน ก่อนหน้านั้นประมาณตี3 ก็มีการชุมนุมของน้องไก่ ขันระงมมาก แข่งกันว่าใครจะขึ้นเสียงสูงได้ดีกว่ากัน ทักทายเพื่อนไก่บ้านโน้นบ้านนี้ คือเสียงดังมากจนตื่น หลังจากน้องไก่ก็มีน้องจิ้งหรีดมาร่วมวงร้องเพลง จังหวะนั้นในใจนี่อยากจะเอาปืนมายิ่งไก่มาก ให้มันหยุดร้องซะ จะนอน รู้แล้วว่าอารมณ์ชั่ววูบ คนที่ยิงกันกลางถนนเขาคิดอะไรอยู่ ก็คงเหมือนเราตอนนี้แหละ

อาหารเช้า  ข้าวต้มและโอวัลติน จิบแล้วชมธรรมชาติ ชีวิตเชื่องช้ามาก เปิดเพลงคลอๆ โอ้ยสงบจริง





ถึงเวลากลับสู่โลกความจริงจ้า กลับเมืองเชียงใหม่








 Bye bye ระเบียงดาว ควรมาสักครั้ง นอนสักคืน แต่ถ้ามากว่า1คืนน่าจะเริ่มกระวนกระวาย



เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ 11-12/6/60

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรคผื่นกุหลาบ Pityriasis rosea

นั่งรถไฟไปเที่ยวกาญจนบุรี

นั่งเครื่องบินครั้งแรก เชียงใหม่-ดอนเมือง